วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

OS ' Autism. : HUNHAN



Title : Autism.

Hashtag : #osออทิสติกลู่หาน

Pairing : sehun x luhan

Image : จิตแพทย์ โอ เซฮุน กับ น้องลู่หานที่เป็นออทิสติก

PG – กุ๊กกิ๊ก ใสๆ วัย 3+ ขวบ อิ.อิ



“พ่อฝากลูกเพื่อนพ่อด้วยนะ น้องไม่ดื้อหรอก”

“น้องเป็นออทิสติกเหรอครับ?” เซฮุนถามพ่อของตน พ่อเซฮุนพยักหน้ารับ “นี่พ่อโอนเคสน้องให้ผมรักษาต่อแล้วใช่ไหม?

“เอ่อ อ่าใช่” เซฮุนส่ายหน้านิดหน่อย เอาจริงๆคือควรบอกให้เขารู้ก่อนด้วย “หน่านะ เนี่ยเอา*ชาร์ทไปดู น้องไม่ดื้อแน่นอนเพราะน้องไม่กลัวคนแปลกหน้าอยู่แล้ว พ่อไปแล้วนะ มีเคสต้อง*ซีซ่าบ่ายสอง”

เซฮุนรับชาร์จจากหมอใหญ่หรือพ่อของเซฮุน ก่อนที่ท่านจะเดินออกจากห้องไป ใช่ หมอใหญ่คือพ่อของเซฮุน เป็นหมอทำคลอดครับ ท่านแยกสาขาจากโรงพยาบาลในตัวเมืองมาเปิดแถบๆชนบทในพื้นที่ห่างไกลนิดหน่อยด้วยเหตุผลที่ว่า ที่นี่มีชาวบ้านป่วยเยอะแยะ แถมหน่วยงานยังเข้าไม่ถึงอีกด้วย เป็นหมอบางทีก็ต้องเข้าหาคนไข้ เพราะหลายพื้นที่ห่างไกลคนไข้เข้าหาเราไม่ได้ อีกอย่าง กูจะได้อยู่ห่างๆแม่มึงบ้าง บ่นทุกวันกูหูชาฟังการเต้นหัวใจคนไข้ไม่รู้เรื่องแล้วหนิ เออ พ่อกู แรกๆก็ซึ้งนะ

ร่างสูงก็หันกลับไปสนใจเจ้าตัวจ้อยที่นั่งโยกตัวไปมาและเริ่มลุกเดินไปรอบๆห้องทำงาน เซฮุนอ่านแฟ้มประวัติ “ชื่อลู่หาน อายุ 17 ปี เรียนอยู่ ม.2 พัฒนาการด้านพฤติกรรมค่อนข้างดี แต่ยังมีอาการอยู่ไม่นิ่งอยู่” เซฮุนอ่านอย่างอึ้งๆ เรียนตั้ง ม.2 แล้ว สุดยอดเลย “ด้านภาษาพูดเป็นคำได้แล้วแต่ยังเรียงประโยคไม่ค่อยถูก ประสาทสัมผัสที่ห้าดี โอ้โห เรียกได้ว่าเกือบเหมือนเด็กปกติแล้วแต่มีอาการ*ไฮเปอร์แอคทีฟกับการเรียนยังต้องค่อยๆสอนไปสินะ” ทดสอบหน่อยดีกว่า เซฮุนคิด “คุณชื่ออะไรครับ?

“นาวดายเซบูนิโตปิ๊บปิ๊บ”

“ห้ะ? พูดดีๆสิ พี่หมอรู้ว่าเราตอบได้”

“โนติโมกุ๊กกุ๊ก”

“ไม่พูดดีๆใช่ไหม? สงสัยต้องทวนการฝึกเคลื่อนไหวลิ้นซะแล้วมั้ง” ว่าจบเซฮุนก็จับตัวลู่หานนั่งลงข้างๆตน ไม่พูดพร่ำทำเพลง คุณหมอก็รั้งคอร่างจ้อยและประกบปากทันที แรกๆเซฮุนกะจูบแบบปากแตะปากธรรมดาๆ แต่ลิ้นเจ้ากรรมกลับเผลอไปสัมผัสรีมฝีบางบาง แค่ภายนอกคุณหมอก็รับรู้ถึงความหวานแล้ว ข้างในล่ะจะละมุมขนาดไหน

เมื่อคิดได้ดังนั้นมืออีกข้างของเซฮุนก็จับคางของลู่หาน บีบน้อยๆเพื่อให้ร่างตรงหน้าอ้าปาก และแล้วเซฮุนก็ได้ชิมความหวานในโพรงปาก ลิ้นหนาละเลียดชิมน้ำหวานจากปากเล็ก คุณหมอไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลู่หานกำลังทำให้เซฮุนเสพติด ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าละออกไปแล้วจะได้มีโอกาสแบบนี้อีกไหม...

“อืออ อือออ”

!!!” แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น เซฮุนจึงจำต้องถอนจูบอันหอมหวานนี้ไป เมื่อละใบหน้าออกมาจากดวงหน้าเล็กแล้วทำให้เซฮุนตกใจหนัก ใบหน้าหวานๆของลู่หานตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา ทั้งห้องดังไปด้วยเสียงสะอึ้น แต่ลู่หานไม่ได้ฟูมฟายอะไร “ละ..ลู่หาน พี่หมอขอโทษ” ร่างเล็กไม่ได้ตอบกลับเซฮุน แต่กลับจับมือของคุณหมอไปแตะที่อกข้างซ้ายแทน ซึ่งก็คืออาการ
.
.
.
.
“หัวใจเต้นแรง.. นี่ลู่หานหัวใจเต้นแรงเพราะพี่เหรอ...”



เนื่องจากวันนี้พ่อแม่ของลู่หานไม่อยู่ แล้วเซฮุนก็ไม่ค่อยมีคนไข้อยู่แล้วในชนบทแบบนี้ หมอใหญ่ก็เลยสั่งให้เขาดูแลเจ้าตัวเล็กนี้จนกว่าพ่อแม่น้องจะมารับ โดยสั่งว่า แกช่วยดูน้องด้วยยังไงก็ต้องรักษากันยาวอยู่แล้ว เอ้อ อย่าทำอะไรน้องนะ!” ท่านพูดพร้อมชี้หน้าคาดโทษ แต่ผมอยากจะบอกพ่อมากว่าคงไม่ทันแล้ว..

หลังจากที่เซฮุนจูบ อ่า.. นึกแล้วก็เขินๆเหมือนกันแฮะ ด้วยที่รูปลักษณ์น้องน่ารัก ตัวก็เล็ก ผิวขาว ดวงตาสุกใส แก้มกลมๆแดงๆ จมูกโด่งรั้น ปากกระจับชมพูระเรื่อแบบปากสุขถาพดี แถมน้องยังไม่เข้าใจอีกว่าที่เขาทำคืออะไร หวานหมูหมอเลยครับ เฮ้ย! ไม่ใช่สิ น้องเป็นคนไข้ ท่องไว้ น้องเป็นคนไข้ที่มึงต้องดูแลนะฮุนนะ ต้องดูแล ต้องดูแล.. ดูแลตลอดไปได้ไหมนะ...

“น้องลู่หาน ไปกินข้าวกันครับ” ลู่หานหันตามเสียงเรียกแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ดีแล้วหละ เซฮุนฟังภาษาต่างดาวของน้องไม่ออกหรอก ไม่รู้ว่าน้องคิดว่าตัวเองเป็นเด็กขวบสองขวบหรือไง ร่างเล็กเดินจับมือ ครับ จับมือเซฮุนแล้วแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี อยู่เฉยๆไม่ได้เลยน้า เซฮุนคิด

มีอีกสิ่งหนึ่งที่ลู่หานเป็นและต้องทานยาตลอดคือ อาการชัก กลุ่มอาการออทิสติกนี้ เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเป็นวัยรุ่น  ถ้ามีความบกพร่องด้านสติปัญญา(อาการดาวน์)ร่วมแล้วหละก็ จะมีความเสี่ยงต่ออาการชักสูงมาก แต่เด็กออทิสติกส่วนใหญ่ไม่มีภาวะบกพร่องด้านนี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่เรียนรู้ช้า ไม่ค่อยเข้าใจ การแปลความเลยสับสน พูดถูกบ้างผิดบ้าง เรียงประโยคสลับกันบ้าง เลยทำให้เราไม่เข้าใจความหมายที่เด็กเหล่านี้จะสื่อ

ซึ่งระหว่างที่ร่างเล็กกำลังเดินวนรอบห้องตรวจของเขาอยู่นั้น เซฮุนก็ให้ลู่หานทำแบบทดสอบนิดๆหน่อยๆ จริงๆในส่วนนี้ต้องให้นักจิตวิทยาจัดการ แต่เซฮุนก็พอมีวิชาอยู่บ้างนะ ตอนที่ลู่หานทำอยู่ เซฮุนก็สังเกตพฤติกรรมคนไข้ของเขาไปด้วย ภาษากายสำหรับเด็กออทิสติกถือสำคัญ เพราะจะสื่อได้ดีกว่าการพูดหรือการแสดงอารมณ์ทางหน้าตา

เด็กเล็กนั้นยังไม่มีภาษาท่าทางในการสื่อสาร ไม่ชี้นิ้วบอกสิ่งที่ต้องการแต่จะจับมือคนอื่นไปชี้หรือพาไปใกล้สิ่งที่ต้องการแทน แต่สำหรับเด็กที่มีพ่อแม่ฝึกวินัยสอนลูกเสมอๆหรือพาลูกไปเรียนรู้พัฒนาการเป็นพิเศษ เด็กก็จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อยในการสอน ดูจากประวัติต่างๆของลู่หานแล้ว เด็กคนนี้โชคดีมากๆเลย

“เออว่าแต่ลู่หานกินอะไรวะเนี่ย” เนื่องจากอาการออทิสติก คนที่เป็นมักจะทานอาหารเดิมๆซ้ำๆ เซฮุนเลยจัดการต่อสายหาหมอใหญ่ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าท่านจะรับสาย เมื่อมองดูเวลา ตอนนี้บ่ายโมงครึ่งแล้ว สงสัยกำลังเตรียมทำซีซ่าคนไข้ ลองๆถามน้องก็แล้วกัน เซฮุนคิค “น้องลู่หานทานอะไรครับ”

ลู่หานหันตามเสียง หน้าตาไม่ได้แสดงอะไร สักแป๊บปากเล็กๆก็ขยับ “ทานโคล่งต้ม”

“ห้ะ?

“โคร่งทานต้ม”

“ทานต้มโคล้งรึเปล่าครับหืม?” ลู่หานพยักหน้า อ่า.. อย่างน้อยๆน้องก็ตอบผมด้วยภาษาทั่วไปแล้วครับ แม้จะผิดๆถูกๆก็เถอะ น่ารักดี



ผ่านไปสองปี ลู่หานคบกับเซฮุนแล้ว รู้จักนานแล้วคบได้นะ ถถถถถ อย่างที่ว่าน้องคบกับเซฮุนแล้ว ทำเอาพยาบาลสาวหลายๆคนอกหักไปตามๆกัน เรียกได้ว่าตั้งแต่จนถึงตอนนี้ เซฮุนยังคอยประครบประหงมน้องดีเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ตอนนี้ร่างจ้อยได้ย้ายมาอยู่บ้านของคุณหมอโดยสมบูรณ์ เพื่อที่จะให้เซฮุนดูแลน้องได้สะดวกขึ้น

ส่วนเรื่องพ่อแม่ของลู่หานยิ่งไม่ต้องห่วงเลย ตอนที่ท่านทั้งสองรู้ว่าเซฮุนอยากดูแลน้องมากกว่านี้ ท่านทั้งสองก็ฝากฝังลูกชายของพวกท่านอย่างดี พวกท่านยินดีที่จะให้เซฮุนรักษาน้องไปตลอดชีวิต ตอนแรกๆที่ลู่หานย้ายมาน้องไม่สบตาใครเลย เพราะไม่คุ้นชินที่ใหม่ๆไหนจะต้องเจอคนใหม่ๆอีก อ้อ บ้านที่ว่านี้อยู่ชนบทนี่แหละ พอมีแม่บ้านอยู่สองคนคอยทำอาหารให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของน้อง เซฮุนทำเองดีกว่า

เช้านี้ลู่หานไม่ยอมลุกจากที่นอน ส่วนเซฮุนตื่นก่อนนานแล้วเพราะจะลงต้องไปทำอะไรให้น้องทาน เขาฝึกให้ลู่หานทานอย่างอื่นไปเรื่อยๆและคอยบอกน้องว่านี่คืออะไร นี่หอมอะไร ด้วยที่ว่าจะขุนให้ร่างจ้อยๆนี่อ้วนขึ้นมาบ้าง เพราะน้ำหนักน้อยซะเหลือเกิน คุณหมอจัดการอุ้มร่างเล็กโดยให้ลู่หานหันหน้าเข้าหาตน คนตัวเล็กก็รู้หน้าที่ดียกแขนตัวเองมาคล้องคอเซฮุนไว้เพื่อไม่ให้ตนตก คุณหมออุ้มน้องเดินเข้าไปให้ห้องน้ำ วางร่างเล็กให้นั่งตกขอบอ่างล้างหน้าแล้วยืนใช้แขนคร่อมร่างนั้นไว้ ทั้งสองจ้องตากันแล้วต่างคนต่างยิ้มให้กัน

“ถ้าพี่ขอจุ๊บจะได้ไหมครับ?

“ครับ” ร่างเล็กตอบพร้อมพยักหน้า

“ขอหอมแก้มด้วยได้ไหมครับ?

“ครับ” เด็กดี ว่านอนสอนง่าย J

ไม่รอช้าเซฮุนจุ๊บหน้าผาก จุ๊บจมูกรั้น จุ๊บปากของลู่หานก่อนจะใช้หน้าผากตนชนกับหน้าผากเล็ก ถูไถจมูกของตนกับจมูกรั้น และจุ๊บปากเพิ่มไปอีกหลายๆที ฟัดแก้มหอมนิ้มไปอีกฟอดใหญ่ ถึงจะยังไม่อาบน้ำแต่คนไข้ของเขาก็มีกลิ่มหอมประจำกายอยู่แล้ว และเซฮุนเสพติดกลิ่นนั้น ความหอมธรรมชาติจากฟีโรโมนของร่างเล็กทำเอาเซฮุนแทบคลั่ง เอ่อ เขาชักไม่มันใจแล้วว่าเขาเป็นหมอหรือโรคจิตกันแน่

“ขอจูบด้วยได้ไหมหืม?” ไม่มีอ้อมค้อม ขนาดนี้แล้วเซฮุนก็ขอกำไรจากลู่หานอีกสักหน่อยแล้วกัน

“อื้อ!” ร่างเล็กยังไม่มีโอกาสตอบเลยด้วยซ้ำ คุณหมอก็ชิงปากเรียวเล็กไปครอบครองเสียแล้ว เซฮุนดูดดุนปากล่างของลู่หานเหมือนมันเป็นซาหริ่มน้ำกะทิชั้นเลิศ

ลิ้นหนาเกี่ยวตวัดลิ้นเล็กอย่างไม่ลดละ ความหอมหวานแผ่ซ่านไม่ทุกการเคลื่อนไหวของลิ้น เซฮุนรู้สึกเหมือนกำลังโดนมอมด้วยสิ่งเสพติดชนิดพิเศษ พิเศษสำหรับเขาคนเดียว ทุกๆครั้งที่ได้สัมผัสปากเล็ก ไม่มีครั้งไหนเลยที่เซฮุนอยากถอนสัมผัส ความนุ่มยุ่นหวานละมุมเหมือนสายไหม เรียกได้ว่าทุกอย่างของลู่หานเซฮุนเสพติดมากจริงๆ อารมณ์คุณหมอพุ่งพล่าน มือใหญ่อยู่ไม่สุกไล่จับนู่นนี่ สอดมือเข้าในเสื้ออย่างลืมตัว บางอย่างที่ปูดนูนในกางเกงถูไถวนไปกับหัวเข่าของลู่หาน

“ชะ..ช่วยพี่หน่อยนะ”

“ทำ..ทำอะไร?

“คั้นกะทิ” ว่าแล้วคุณหมอก็รูดกางเกงลง เผยให้เห็นแกนกายลำใหญ่ไซส์สามนิ้วมือ มือใหญ่ของเซฮุนจับมือเล็กๆให้มาสัมผัสกับลำแท่ง “ทำตามที่พี่บอกนะเด็กดี ระ..รูดขึ้นลง” ลู่หานก็รูดขึ้นลง “ทำไปเรื่อยๆนะครับ...อืมม แบบนั้น ซิ๊ดด” เหมือนลู่หานจะไม่รู้อะไร และเหมือนจะรู้สึกสนุก ร่างเล็กทำเร็วขึ้น เซฮุนพยายามหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อข่มอารมณ์ไม่ห้จับลู่หานกดกลางห้องน้ำนี่..

“ซิ๊ดด อึก! อ้า” ร่างสูงกระดุกเกร็ง ลูกนับล้านพวยพุ่งกระเซ็นจนโดนหน้าของลู่หาน เซฮุนเอาหน้าซบไหล่ร่างเล็กไว้ หายใจหอบถี่ก่อนจะรวบสติกับมามองหน้าลู่หานอีกครั้ง “เอ่อ น้องลู่อะ..อาบน้ำไปนะ พี่หมอก็จะไปอาบที่ห้องอื่น แต่งตัวเสร็จแล้วเจอกันข้างล่างนะครับ”

เซฮุนทำท่าจะเดินไป แต่มือเล็กรั้งแขนไว้ก่อน “ฮึก..ฮึก” พอหันกลับไปก็พบว่าลู่หานสะอื้น ตอนแรกเซฮุนตกใจมาก แต่พอน้องชี้ไปที่.. “แปลก ฮึก แปลกๆ” เป้ากางเกงของน้อง เซฮุนถึงได้รู้


สงสัยต้องจัดการให้น้องก่อนสินะ...



ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่าๆ เซฮุนได้รับโทรจากครูพี่ปรึกษาว่าลู่หานอาละวาดอย่างหนัก ทำให้เซฮุนต้องรับไปรับที่โรงเรียน พอถามว่ามีเรื่องอะไรน้งก็จะกรี๊ดๆอย่างเดียว เซฮุนพาออกมาจากที่นั่นก่อนน้องจะอารมณ์ไปมากกว่านี่ นั่งรถออกมาได้สักพักลู่หานก็มีอาหารดีขึ้น แต่คราวนี้นั่งเหม่อมองทางหน้าต่างแทน ไม่พูด ดูซึม รถแล่นตามถนนใหญ่ไปเรื่อยๆ เซฮุนกำลังคิดว่า เขาควรพาลู่หานหาร้านเล็กอร่อยๆ เผื่อร่างเล็กจะอารมณ์ดี

แกร็ก “เฮ้ยย! ลู่หาน เปิดประตูรถทำไม!” จู่ๆร่างเล็กก็เปิดประตูรถขณะที่แล่นอยู่เลนกลางถนน โชคดีที่ลู่หานไม่ได้ดันประตูออกไป จึงไม่มีรถคันไหนชน ในสถาณการ์แบบนี้เซฮุนเลยเลือกที่จะขับเข้าเลนในของถนน ตอนนั้นน้องยอมปิดประตูแล้ว ขับเลาะๆไปเรื่อยๆจนถึงย่านที่มีร้านขนมเล็กๆเกือบๆถึงตัวเมืองในชุมชน รถคุณหมอจอดเทียบหน้าร้านร้านหนึ่ง เป็นร้านประจำของน้องที่มาหลังเลิกเรียนเสมอๆ

“อ้าว น้องลู่ทำไมวันนี้มาไวจังครับ?

“เอ่อ ยูอีเดี๋ยวค่อยคุย วันนี้น้องอารมณ์ไม่ดี” เมื่อน้องไม่ได้ตอบอะไร เซฮุนจึงกระซิบเบาๆพอให้เป็นการส่งซิก ยูอีเป็นลูกเจ้าของร้าน เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว และกลับมาช่วยแม่ของเธอดูแลกิจการ เธอสนิทกับลู่หานพอสมควรก่อนเซฮุนจะมา เรียกได้ว่าแทบจะเป็นญาติกันแบบไม่ผูกสายเลือด “เอาเหมือนเป็นแล้วกัน ส่วนวันนี้พี่ของอเมริกาโน่ร้อนนะ”

“ค่ะ” ยูอีพยักหน้ารับ

ต่างคนต่างเงียบอยู่สักพักหนึ่ง “ไหนครับคนเก่ง เล่าให้พี่ฟังได้หรือยังว่าเป็นอะไร?” และแล้วเซฮุนก็ทำลายความเงียบลงด้วยกันมุ่งประเด็นที่ทำให้น้องอารมณ์ไม่ดีทันที

“พี่หมอ.. ลู่เป็นออทิสติก ใครๆก็บอกว่าลู่พิเศษ” เซฮุนเงียบตั้งใจฟังน้อง เหมือนพัฒนาการด้านการพูดจะดีขึ้นด้วยแฮะ เซฮุนคิด “แต่ลู่ไม่เข้าใจ พิเศษมันแปลว่าดีไม่ใช่เหรอ..” คราวนี้คุณหมอเริ่มขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าคนไข้ของเขาไปได้ยินอะไรมา “แล้วทำไมเพื่อนบางคนบอกลู่ปัญญาอ่อน ลู่โง่ ลู่เรียนไม่ได้ ครูบางคนก็บอกลู่ไม่น่าเกิดมาเป็นแบบนี้ ลู่ผิดอะไรเหรอครับ” คราวนี้ทำเซฮุนอึ้ง นี่คือความในใจของลู่หาน “ลู่ขอโทษนะ.. ที่ทำพ่อแม่เสียใจ ที่ทำให้พ่อแม่เหนื่อย และที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบครั้งนี้”

“ลู่หาน พอแล้ว ไอ้เด็กเวรพวกนั้นมันเป็นใคร พี่จะเอาเรื่องมันเดี๋ยวนี้!

“ลู่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดนะ โรคนี้ติดตัวลู่มา ลู่ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นออทิสติก แต่ลู่อยากเกิดมาเป็นลูกพ่อแม่นะครับ”

“ลู่หานพี่ขอร้อง พอเถอะนะครับ อย่าคิดมากเลยนะ ใครจะพูดอะระ..!!

“อย่ารังเกียจลู่เลย...” เซฮุนยังพูดไม่ทันจบ ลู่หานก็พูดแทรกมาเสียก่อน และมันทำให้คุณหมอเจ็บปวดไปด้วย

ทั้งๆที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่กลับเอาปมของคนมาล้อเล่น ไอบอดบ้างล่ะ ไอหนวกบ้างล่ะ ไอปัญญาอ่อนบ้างล่ะ คนที่เกิดมาครบสามสิบสองควรที่จะเห็นใจคนเหล่านี้ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเพราะพิการจึงไม่สามารถได้เท่าเทียมคนอื่นๆ เซฮุนไม่รู้ว่าลู่หานคิดเรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้ว คำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำ มันสะท้อนถึงความรู้สึกจริงๆ น้องพยายามพิสูจน์ทุกอย่างว่าน้องก็ทำได้เหมือนคนอื่นๆ เพียงแค่เรียนรู้ช้าแค่นั้นเอง เหนื่อยมากหรือเปล่าลู่หาน เหนื่อยเกินไปหรือเปล่าที่จะต้องแบกรับคำพูดมากมายเอาไว้ในใจ

“ใครจะพูดอะไรก็ช่างมัน พ่อแม่รักน้องลู่ พี่ก็รักน้องลู่ หมอใหญ่ ยูอี ทุกคนรักน้องลู่ ไม่เคยเดือนร้อนเพราะน้อง ไม่มีใครรังเกียจน้องนะครับ มีแค่พวกเราก็พอนะ ไม่ได้สนคนพูดไม่ดีเลย” เซฮุนพยายามปลอบใจน้อง แม้สีหน้าลู่หานจะยังดูไม่ดีก็ตาม ถึงเค้าจะพอมีวิชาเรื่องโน้มน้าวใจ แต่ก็ไม่ได้เรียนมาโดยตรงจนรู้วิธีหลายๆอย่าง และเขาไม่อยากให้ลู่หานเครียดจนต้องนอนโรงพบาบาลหรอกนะ

“ลู่ไปเข้าห้องนะครับ” ว่าจบน้องก็เดินไปเลย เซฮุนเป็นจิตแพทย์คนหนึ่งที่รักษามาหลาย*เคส แต่ก็ไม่เจ็บปวดเท่าลู่หาน ถึงอีกแค่หนึ่งปีน้องจะอายุยี่สิบแล้ว แต่พัฒการช้ากว่าเด็กรุ่นเดียวกัน เด็กๆหลายคนที่เป็นโรคนี้ต้องคิดมากขนาดไหนกันนะ..

“กรี๊ดดดด ช่วยด้วยค่ะ ช่วยน้องลู่ด้วยย!!

สิ้นเสียงนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก เซฮุนรีบปรี่เข้าไปทางห้องน้ำด้านหลังทันที เมื่อไปถึงก็เจอกับยูอีที่ทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ ที่ตักของเธอคือลู่หานที่กำลังชักอย่างรุนแรง คุณหมอรีบอุ้มคนไข้ของเขาออกจากร้านเพื่อนไปโรงพยายาลทันที สิ่งที่เขาไม่อากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้ อาการชักเพราะสภาวะเครียดจัดมันไม่น่าเกิดกับน้องด้วยซ้ำ

น้องไม่เคยขาดยาที่เขาสั่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะไม่เครียด อยู่ด้วยกันทุกๆวันทำไมถึงไม่สังเกตน้องนะปล่อยให้เผชิญปัญหานี้อยู่ตั้งนาน เมื่อถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็ต่างกรูเข้าหาลู่หาน เสียงสอบถามระหว่างเข็นเปลนอน ถึงห้องฉุกเฉินเซฮุนไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะถูกสั่งห้าม ขืนเขาเข้าไปคงสติแตกทำอะไรไม่ถูกแน่ๆจึงทำได้แต่รอต่อไป จนเวลาผ่านไปสามสิบนาทีหมอห้องฉุนเฉินก็ออกมา

“เซฮุน ตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วนะ”

“ครับ”

“วันหลังดูแลน้องให้ใกล้ชิดกว่านี้ล่ะ เนี่ยแล้วยิ่งน้องเป็นออทิสติก ยิ่งต้องดูแลสภาพจิตใจเลย”

“ผมอาจจะดูแลได้ไม่เต็มที่เพราะการงาน แต่ผมจะพยายามนะครับ”

“อ่าๆ เดี๋ยวพี่ย้ายน้องไปนอน*ออบเสริฟก่อนแล้วกันนะ ถ้าไม่มีอาการกำเริบอีก รับยาแล้วก็กลับบ้านได้เลย”

“ขอบคุณครับพี่หมอ”

คุณเคยมีคนใกล้ตัวที่เป็นโรคนี้ไหม? คุณเข้าใจเขาหรือเปล่า? คนที่เป็นโรคนี้เขาน่าเห็นใจมากนะครับ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเขาไม่รู้เรื่อง จริงๆแล้วในใจของเป็นแบบไหนเราก็ไม่รู้ เด็กที่แสดงความรู้สึกไม่เป็นเขาไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้มากหรอกครับ ถ้าไม่ฝึก ไม่พัฒนา ถ้าพ่อแม่ทิ้งลูกที่เกิดเป็นโรคนี้ไป น้องจะเป็นยังไง คิดว่ามันต้องเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวของเด็กๆแน่นอน เพราะฉะนั้นโปรดเห็นใจ เอ็นดู เด็กกลุ่มนี้ให้มากๆนะครับ คำพูดต่างๆนาๆที่คุณคิดว่าไม่ร้ายแรง แต่ส่งผลมหาศาลกับใจของคนๆหนึ่งมากนะ เหมือนกับทฤษฎี Butterfly Effect เพียงผีเสื้อขยับปีก ก็ส่งผลกระทบถึงดวงดาว ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ



#osออทิสติกลู่หาน



ครบแล้วนะคะ เศร้าอะ นี่แต่งก็เศร้าฮือ ขอบคุณเพจ ครูแนน นักกิจกรรมบำบัด นะคะ ที่บอกเรื่องราวของเด็กๆ เราอาจจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดี ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนจบแล้วน้า เอนจอยสะรีดดิ้ง จุ๊บๆ 




สาระน่ารู้ อิอิ
         
*ชาร์ท ( Chart ) คือ แฟ้มแข็งๆที่คุณหมอถือกันเวลาไปตรวจคนไข้ตามตึก เป็นแฟ้มบันทึกอาการหรือการรักษาของคนไข้นั่นเองค่า
*ซีซ่า ( Ceasar ) คือ การผ่าตัดทำคลอด เป็นอีกวิธีหนึ่งจากการคลอดปกติค่ะ
*ไฮเปอร์แอคทีฟ ( Hyperactive ) คือ อาการอยู่ไม่นิ่ง สมาธิสั้น ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
*เคส ( Case ) คือ ผู้ป่วยค่ะ
*ออบเสริฟ ( Observe ) คือ สังเกตอาการค่ะ